วันจันทร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2556

บาวอลเล่ย์ระดับโลก!สิงห์โชว์เนี๊ยบจัด 1-0 ถีบผีร่วงเอฟเอ

บาวอลเล่ย์ระดับโลก!สิงห์โชว์เนี๊ยบจัด 1-0 ถีบผีร่วงเอฟเอ
ป่านนี้กล้วยติดคอแล้วสำหรับเฟอร์กูสัน เมื่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดน้ำตาตกร่วงเอฟเอ คัพไปจากลูกยิงลอยตัววอลเล่ย์สุดสวยของบาเป็นประตูชัยส่งเชลซีที่วันนี้เกมเนี๊ยบได้ใจเฉือนเอาชนะไป 1-0 รอชนกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในรอบรองชนะเลิศ

เอฟเอ คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดรีเพลย์

วันจันทร์ที่ 1 เมษายน 2556

เชลซี 1 - 0 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์

ประตู :1-0 บา น.49

คลิปไฮไลท์ เอฟเอ คัพ เชลซี 1-0 แมนยู
กลับมาเตะให้เหนื่อยกันอีกรอบสำหรับเชลซีและแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากเกมก่อนหน้านี้ดันไปเสมอกัน 2-2 ที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ดมา

ทั้งสองทีมน่าจะมีอาการเหนื่อยล้าพอสมควร เพราะเกมทีแล้วเพิ่งเตะวันเสาร์เมื่อกี้นี้เอง ทำให้มีการปรับเปลี่ยนผู้เล่นหลายตำแหน่งด้วยกัน

เชลซีไม่จัดทั้งมาต้า, อาซาร์และบาลงเล่น เกมรุกหวังได้แน่ เพราะมาต้าไม่ได้เล่นในเกมที่แล้ว ส่วนอาซาร์ลงเป็นตัวสำรองเท่านั้น

แมนฯยูไนเต็ดนี่หนักพอสมควร เพราะไม่มีรูนี่ย์ที่เฟอร์กูสันเผยว่ามีอาการบาดเจ็บขาหนีบ ส่วนฟาน เพอร์ซี่ก็เป็นแค่ตัวสำรองเท่านั้น

เกมนี้ไม่ว่าใครเป็นผู้ชนะก็จะได้เข้าไปเจอกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่กระดิกเท้านั่งรอในรอบรองชนะเลิศอยู่แล้ว

ครึ่งแรก

สิงห์ดีกว่าตามคาด
ผ่าน 10 นาทีแรก ตามสูตรเจ้าบ้าน เชลซีครองบอลได้เนื้อกว่าทีมเยือนค่อนข้างเยอะ แมนฯยูไนเต็ดจะเซ็ตกันไม่ค่อยได้เท่าไหร่ แถมยังต้องระวังตัวทีเด็ดอย่างอาซาร์ที่พร้อมกระชากไปลุยได้ทุกเมื่อด้วย

เกมนี้ละเอียดกันทุกเม็ด
แม้ว่าโอกาสในการลุ้นประตูจะไม่มีให้เห็นเลยก็ว่าได้ แต่นี่ก็เป็นการต่อสู้กันในทุกๆจุดและทุกการเล่นของนักเตะทั้งสองทีม วัดกันช็อตต่อช็อต รวมทั้งแท็คติกของกุนซือที่วางมาให้ไว้ด้วย
โก๋แดนปล่อยของใส่โคลคล้ำ
นาทีที่ 20 ถึงกับเล่นต่อไม่ได้เลยสำหรับโคลที่พยายามจะเข้าดักบอลที่เวลเบ็คแตะหลบมาแล้วจิ้มอีกครั้งกระชากหนี เพราะจังหวะที่จะออกตัวตามกล้ามเนื้อหลังต้นขาดันกระตุกขึ้นมาซะก่อน สุดท้ายเลยต่อไม่ไหว ต้องถูกเปลี่ยนออกไป

ที่จริงจังหวะนี้แมนฯยูไนเต็ดมีลุ้นมาก แต่นานี่กลับทำเสียของเพราะเพื่อนเติมขึ้นสองฝั่ง มีตัวผู้เล่นมากกว่า แต่เลือกแตะเสียเวลา ก่อนจะจ่ายสั้นพลาดไป

อายไหม!ถั่วลื่นเองอดเบย
นาทีที่ 27 นึกว่าจะล็อกหลอกสวยๆซะแล้วสำหรับเอร์นานเดซในช่วงที่แมนฯยูไนเต็ดกำลังเล่นได้ดีขึ้นเรื่อย เขาหลอกกองหลังของเชลซีด้วยการแตะหักเข้ากลางได้ แต่มันเข้าซ้ายเลยพยายามจะล็อกกลับมาขวา สุดท้ายเลยลื่นล้มไปเอง

ครั้งแรกมาแล้ว!บายิงติดเซฟลามะ
อีก 4 นาทีต่อมา เป็นโอกาสจังๆครั้งแรกของเกมเลยก็ว่าได้ เมื่ออาซาร์ลากบอลขึ้นไปถึงเขตโทษ ก่อนที่จะไหลต่อให้กับบาที่บอกอยากหวดตั้งแต่เริ่มเกมแล้วเลยจัดการซัดเน้นๆไปเสาแรก แต่เด เกอาไม่พลาดล้มตัวใช้ขาบล็อกทิ้งไปได้

อาซาร์เล่นลูกนี้มันน่าเข้ายิ่งนนัก
นาทีที่ 36 เหมือนกับจังหวะยิงตีเสมอเมื่อเกมก่อนเลย เมื่ออาซาร์เล่นกับเพื่อนก่อนวิ่งเข้าไปตวัดยิงตรงมุมกรอบเขตโทษ บอลพุ่งโค้งเหมือนจะเสียบสามเหลี่ยม แถมเด เกอาได้แต่ยืนมองแล้วด้วย แต่บอลดันเลยออกไปซะได้

หวิดมาก!ถั่วยิงติดขาเช็กซะงั้น
นาทีที่ 41 น่าจะได้ประตูจริงๆสำหรับแมนฯยูไนเต็ด เมื่อเอร์นานเดซขึ้นไปวัดยิงนอกกรอบเขตโทษ เช็กโดนบังอยู่ตัดสินใจทิ้งตัวออกซ้าย แต่บอลพุ่งเข้าตรงกลาง ถึงอย่างนั้นก็ยังใช้เท้าปัดป้องเอาไว้ได้อยู่

ช่่วงท้ายเกมจังหวะมีให้ลุ้นสนุกหลากหลายเหลือเกิน เริ่มจากแมนฯยูไนเต็ดที่ร้องจะเอาจุดโทษจากจังหวะนานี่โดนเบอร์ทรานด์รั้งแล้วสะกิดโดนข้อเท้าในเขตโทษแต่ผู้ตัดสินนิ่ง ก่อนเชลซีมามีลุ้นลูกยิงโอบี มิเกลที่แฉลบตัวบล็อกพุ่งหลุดออกหลัง

จบ 45 นาทีทั้งสองทีมยังคงเสมอกันอยู่ 0-0 แต่ถ้าเล่นกันในทรงอย่างในช่วงท้ายครึ่งแรกแล้วเนี่ย คงจะมีประตูให้ได้เห็นกันแน่นอน

ครึ่งหลัง

สุดตีนโคตรเลยโว้ย!บาตวัดยิงระดับโลก
นาทีที่ 49 นี่คือลูกยิงระดับโลกชัดๆเลยจริงๆ เป็นอะไรที่สวยงามมากจริงๆ เมื่อมาต้าแตะบอลหาช่อง ก่อนจะเห็นว่าบาวิ่งฉีกขึ้นหน้า เลยตักโด่งไปให้ บาพลิกออกจากตัวประกบอย่างเฟอร์ดินานด์ได้ ก่อนจะลอยตัวตวัดเกี่ยวบอลยิงเปลี่ยนทางพุ่งโค้งไปเสียบเสาไกล ชนิดที่เด เกอาได้แต่ยืนทำใจ เชลซีขึ้นนำด้วยประตูสุดสวย 1-0

ผีสู้ได้แต่อย่ารวน
เกมกำลังเข้าสู่ช่วงหนึ่งชั่วโมง แม้ว่าแมนฯยูไนเต็ดจะพยายามลุยเพื่อเอาประตูคืนกลับมา แต่ถ้ามาปล่อยหลังทิ้งไว้ไม่ได้ เพราะพวกเขาออกอาการรวน ออกอาการเป๋อยู่เหมือนกันเวลาโดนเชลซีโจมตี



นี่เซฟสุดตีน!เช็กปัดถั่วเต็มๆตา
ไม่น่าเชื่อจริงๆว่าจะเซฟได้สำหรับเช็ก จากจังหวะที่เวลเบ็คโชว์การครอสบอลด้านข้างที่เพื่อนๆตะลึง ยาวไปให้กับเอร์นานเดซที่สอดไปเสาสอง ก่อนจะตั้งหัวโหม่งเน้นๆ แค่ไม่กี่หลา แต่เช็กใช้มือเดียวปัดทิ้งออกไปได้อย่างสุดยอด จนถึงขนาดที่เอร์นานเดซลุกขึ้นมาชมเลย

ผีต้องส่ง RVP ลงแล้ว
นาทีที่ 61 ทางเลือกเดียวของพวกเขาจริงๆสำหรับแมนฯยูไนเต็ดที่ส่งฟาน เพอร์ซี่ลงไปลุ้นตีเสมอ แล้วถอดเอาเคลฟเวอร์ลี่ย์ที่เหมือนจะเหนือยๆแถมโดนเหลืองแล้วด้วยออกจากสนามไป

ผีพลาดเอง!อาซาร์ฉกเกือบบวกอีกเม็ด
นาทีที่ 68 เป็นความผิดพลาดของคาร์ริคเลยที่พยายามจะเล่นชิ่งจังหวะกับผู้เล่นเชลซี แล้วไปจิ้มบอลเข้าทางของอาซาร์ที่สปีดหนีกองหลังของแมนฯยูไนเต็ดถึงในเขตโทษ ก่อนบรรจงปาดเน้นๆไปเสาสอง แต่บดไปหน่อย บอลเลยพุ่งหลุดกรอบออกไปเยอะเหมือนกัน

ผีดีขึ้นแต่แค่นิดหน่อย
เข้าสู่ช่วง 20 นาทีสุดท้าย แม้ว่าการเปลี่ยนฟาน เพอร์ซี่ต่อด้วยส่งกิ๊กส์ลงเล่นนั้นจะทำให้เกมของแมนฯยูไนเต็ดมีจังหวะการเล่นเพิ่มมากขึ้น แต่ถ้าเอาจริงๆก็ไม่ได้กดดันทางเชลซีสักเท่าไหร่ แถม "สิงห์ไฮโซ" ยังสวนได้เรื่อยด้วย

รถด่วนขยับขึ้นมาเล่นปีกก็ ...
แม้ว่าจะมีการปรับแท็คติกเอาวาเลนเซียโยกจากการยืนแบ็คในตอนแรกขึ้นไปเป็นปีกขวาตามที่ถนัดเหมือนเดิม แต่เขาก็ยังช่วยอะไรทีมมากไม่ได้ เพราะฟอร์มหดหาย แตะทีตัวเองไม่ได้เปรียบ แถมยังออกแต่ขวาเหมือนเดิม

พี่ให้พี่หนุ่มลงช่วยอีกคน
เข้า 10 นาทีสุดท้าย แมนฯยูไนเต็ดต้องส่งเอายังลงไปช่วยเพิ่มตัวปั้นเกม ถอดเอาเวลเบ็คออก เพื่อที่จะได้โจมตีเพิ่มที่ด้านข้างบีบเชลซีให้ได้มากขึ้นในช่วงเวลาที่เหลือนี้

ฝืดจริง ... RVP ได้ยิงหลุดไปไกล
นาทีที่ 87 นึกว่าจะตีเสมอได้ แต่ต้องผิดหวังเลยสำหรับแมนฯยูไนเต็ดเพราะฟาน เพอร์ซี่ได้ยืนยิงจังก้าในในเขตโทษ แต่เหมือนบอลที่ยังจ่ายมาให้นั้นแรงไปนิดเลยทำให้จังหวะวอลเล่ย์มันแป้กหลุดโด่งออกไปไกล

ช่วงท้ายเกมเชลซีเองก็มีจังหวะที่จะได้เหมือนกัน แต่มันเฉียดๆเท่านั้น อย่างไรก็ตามจบ 90 นาทีพวกเขาก็เป็นฝ่ายเอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปได้ด้วยสกอร์ 1-0 ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศเอฟเอ คัพไปเจอกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก, บรานิสลาฟ อีวาโนวิช, แอชลี่ย์ โคล(เบอร์ทรานด์ น.21), ดาบิด ลูอีซ, เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, รามิเรส, ฆวน มาต้า, จอห์น โอบีล มิเกล, เอด็องน์ อาซาร์, เด็มบ้า บา(ตอร์เรส น.90), ออสการ์(โมเสส น.90)

สำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : รอส เทิร์นบูลล์, จอห์น เทอร์รี่, แฟรงค์ แลมพาร์ด, ยอสซี่ เบนายูน

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : ดาบิด เด เกอา, ปาทริซ เอฟร่า, ฟีล โจนส์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, คริส สมอลลิ่ง, อันโตนิโอ วาเลนเซีย, ไมเคิ่ล คาร์ริค, นานี่(กิ๊กส์ น.65), ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์(ฟาน เพอร์ซี่ น.61), ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ, แดนนี่ เวลเบ็ค(ยัง น.80)

สำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : อันเดอร์ส ลินเดการ์ด, มาร์นิค แฟร์มิจล์, นิค พาวล์, ชินจิ คากาวะ










ขอขอบคุณ>>>http://www.soccersuck.com/

.....